กนอ. ได้จัดตั้งสำนักบริการเบ็ดเสร็จครบวงจร (One Stop Service Center : OSS) ขึ้น เพื่อให้บริการแบบเบ็ดเสร็จตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการในการทำธุรกิจกับกนอ. ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหรือเช่าที่ดิน การแนะนำพื้นที่ที่เหมาะสมในการตั้งโรงงาน การอนุมัติคำขออนุญาตและการออกใบรับรองที่จำเป็นต่างๆ เพื่อการจัดตั้งโรงงานในทุกขั้นตอนโดยง่าย หรือแม้แต่การพัฒนาจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมร่วมกับ กนอ.
กนอ. ได้จัดตั้งสำนักบริการเบ็ดเสร็จครบวงจร (One Stop Service Center : OSS) ขึ้น เพื่อให้บริการแบบเบ็ดเสร็จตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการในการทำธุรกิจกับกนอ. ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหรือเช่าที่ดิน การแนะนำพื้นที่ที่เหมาะสมในการตั้งโรงงาน การอนุมัติคำขออนุญาตและการออกใบรับรองที่จำเป็นต่างๆ เพื่อการจัดตั้งโรงงานในทุกขั้นตอนโดยง่าย หรือแม้แต่การพัฒนาจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมร่วมกับ กนอ.
กนอ. ได้จัดตั้งสำนักบริการเบ็ดเสร็จครบวงจร (One Stop Service Center : OSS) ขึ้น เพื่อให้บริการแบบเบ็ดเสร็จตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการในการทำธุรกิจกับกนอ. ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหรือเช่าที่ดิน การแนะนำพื้นที่ที่เหมาะสมในการตั้งโรงงาน การอนุมัติคำขออนุญาตและการออกใบรับรองที่จำเป็นต่างๆ เพื่อการจัดตั้งโรงงานในทุกขั้นตอนโดยง่าย หรือแม้แต่การพัฒนาจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมร่วมกับ กนอ.
กนอ. ได้จัดตั้งสำนักบริการเบ็ดเสร็จครบวงจร (One Stop Service Center : OSS) ขึ้น เพื่อให้บริการแบบเบ็ดเสร็จตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการในการทำธุรกิจกับกนอ. ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหรือเช่าที่ดิน การแนะนำพื้นที่ที่เหมาะสมในการตั้งโรงงาน การอนุมัติคำขออนุญาตและการออกใบรับรองที่จำเป็นต่างๆ เพื่อการจัดตั้งโรงงานในทุกขั้นตอนโดยง่าย หรือแม้แต่การพัฒนาจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมร่วมกับ กนอ.
กนอ. ได้จัดตั้งสำนักบริการเบ็ดเสร็จครบวงจร (One Stop Service Center : OSS) ขึ้น เพื่อให้บริการแบบเบ็ดเสร็จตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการในการทำธุรกิจกับกนอ. ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหรือเช่าที่ดิน การแนะนำพื้นที่ที่เหมาะสมในการตั้งโรงงาน การอนุมัติคำขออนุญาตและการออกใบรับรองที่จำเป็นต่างๆ เพื่อการจัดตั้งโรงงานในทุกขั้นตอนโดยง่าย หรือแม้แต่การพัฒนาจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมร่วมกับ กนอ.
กนอ. ได้จัดตั้งสำนักบริการเบ็ดเสร็จครบวงจร (One Stop Service Center : OSS) ขึ้น เพื่อให้บริการแบบเบ็ดเสร็จตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการในการทำธุรกิจกับกนอ. ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหรือเช่าที่ดิน การแนะนำพื้นที่ที่เหมาะสมในการตั้งโรงงาน การอนุมัติคำขออนุญาตและการออกใบรับรองที่จำเป็นต่างๆ เพื่อการจัดตั้งโรงงานในทุกขั้นตอนโดยง่าย หรือแม้แต่การพัฒนาจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมร่วมกับ กนอ.
ความปลอดภัยในการประกอบกิจการอุตสาหกรรมเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนา อุตสาหกรรมให้เจริญ เติบโตได้อย่างยั่งยืน การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ได้ให้ความสำคัญในการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิต (Process Safety Management : PSM) ในนิคมอุตสาหกรรม เพื่อให้การพัฒนาอุตสาหกรรมสามารถ อยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างยั่งยืน สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียซึ่งจะนำไปสู่ การพัฒนายกระดับนิคมอุตสาหกรรมสู่การเป็นเมือง อุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ดังนั้นกนอ. จึงได้ออก “ข้อบังคับคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไข ในการประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2559 (ข้อบังคับฯ PSM) และที่แก้ไขเพิ่มเติม” เพื่อให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมที่เข้าข่ายสามารถนำระบบการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิต (PSM) ไปดำเนินการเพื่อป้องกันควบคุม และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุอย่างมีประสิทธิภาพ
ความเข้าข่ายของโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมตามข้อบังคับฯ PSM และที่แก้ไขเพิ่มเติม จะพิจารณาประเภทและปริมาณครอบครองของสารเคมีอันตรายร้ายแรง โดยผู้ประกอบอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมที่มีกระบวนการผลิต ดังต่อไปนี้ ต้องดำเนินการการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิต และการตรวจประเมินความปลอดภัยกระบวนการผลิต
(1) กระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีอันตรายร้ายแรงในปริมาณครอบครอง ณ เวลาใดเวลาหนึ่งเท่ากับหรือมากกว่าปริมาณที่กำหนดในบัญชีท้ายข้อบังคับฯ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2563 (Link) หรือ
(2) กระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้องกับแก๊สไวไฟหรือของเหลวไวไฟที่มีปริมาณครอบครองตั้งแต่ 4,545 กิโลกรัม หรือ 10,000 ปอนด์ขึ้นไป ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง
กระบวนการตาม (1) หรือ (2) ให้หมายความรวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้เชื้อเพลิงไฮโดรคาร์บอนเป็นเชื้อเพลิงซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องหรืออุปกรณ์ข้างเคียงหรือที่ต่อเนื่องกับกระบวนการผลิตดังกล่าวด้วย เว้นแต่การใช้เชื้อเพลิงไฮโดรคาร์บอนดังกล่าวไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการผลิตตาม (1) หรือ (2) เช่น เติมยานพาหนะ เป็นต้น
ทั้งนี้ ผู้ประกอบอุตสาหกรรมสามารถประเมินความเข้าข่ายตามข้อบังคับฯ PSM และที่แก้ไขเพิ่มเติม ได้ด้วยตนเองผ่านแบบสำรวจการครอบครองสารเคมี แก๊สไวไฟ และของเหลวไวไฟ ร่วมกับเอกสารแนวทางการพิจารณาความเข้าข่ายของประเภทและปริมาณสารเคมีตามข้อบังคับคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการประกอบกิจการในนิคมอุตสาหกรรม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2559 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
กระบวนการในการพัฒนา จัดทำ และปฏิบัติตามมาตรฐานการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิตตามข้อบังคับฯ PSM และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ดังแสดงในรูป) แบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอน ดังต่อไปนี้ เพื่อป้องกันผู้ประกอบการอุตสาหกรรมจากการเกิดอุบัติเหตุที่รุนแรง/วินาศภัย (Catastrophic) ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชีวิต ทรัพย์สิน สิ่งแวดล้อม และชุมชนโดยรอบ
ระบบการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิต (PSM) จะเริ่มต้นจาก “การมีส่วนร่วมของพนักงาน” โดยผู้บริหารระดับสูงของผู้ประกอบอุตสาหกรรมต้องจัดให้มีข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับความปลอดภัยกระบวนการผลิต และให้พนักงานมีส่วนร่วมในการจัดทำขั้นตอนแผนการปฏิบัติงานตามแต่ละข้อกำหนดและนำไปปฏิบัติ พร้อมทั้งให้พนักงานได้รับทราบและสามารถสืบค้น/เข้าถึงข้อมูลเพื่อนำไปใช้ปฏิบัติงานได้
ผู้ประกอบอุตสาหกรรมต้องเข้าใจและสามารถระบุถึงปัจจัยความเสี่ยง/ความเป็นอันตรายที่อาจเกิดจากกระบวนการผลิตที่มีสารเคมีอันตรายร้ายแรง โดยมีรายละเอียดดังนี้
1) ข้อมูลความปลอดภัยกระบวนการผลิต ผู้ประกอบอุตสาหกรรมต้องรวบรวมและจัดทำเอกสารข้อมูลความปลอดภัยกระบวนการผลิต เช่น SDS ของสารเคมีอันตรายร้ายแรง ข้อมูลเทคโนโลยีกระบวนการผลิตและข้อมูลอุปกรณ์กระบวนการผลิต และควบคุมติดตามให้เอกสารข้อมูลความปลอดภัยกระบวนการผลิตมีความเป็นปัจจุบันอยู่ตลอดเวลา
2) ความลับทางการค้า: ผู้ประกอบอุตสาหกรรมต้องให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับทางการค้าแก่ผู้ปฏิบัติงานและผู้ตรวจประเมินถ้าข้อมูลนั้นเกี่ยวข้องกับความเสี่ยง/ความเป็นอันตรายโดยเฉพาะข้อมูลสารเคมีอันตรายร้ายแรง โดยสามารถทำข้อตกลงที่ไม่เปิดเผยข้อมูลได้
3) การวิเคราะห์อันตรายกระบวนการผลิต: ผู้ประกอบอุตสาหกรรมต้องนำข้อมูลความปลอดภัยกระบวนการผลิตและความลับทางการค้ามาใช้เป็นข้อมูลประกอบเพื่อใช้ในการวิเคราะห์อันตรายกระบวนการผลิตโดยใช้วิธีการชี้บ่งอันตรายที่เหมาะสมกับกระบวนการผลิต เช่น HAZOP เป็นต้น ว่าจะมีความเสี่ยง/อันตรายอะไรบ้างเกิดขึ้น
ผู้ประกอบอุตสาหกรรมสามารถบริหารจัดการและควบคุมความเสี่ยง/อันตรายได้สองวิธี ดังนี้
ค.1) การควบคุมด้านวิศวกรรม ซึ่งประกอบด้วย
4) ความพร้อมใช้ของอุปกรณ์: อุปกรณ์จะต้องมีความพร้อมใช้งานอย่างปลอดภัยโดยมีการออกแบบและติดตั้งอย่างถูกต้องตามหลักวิศวกรรม รวมถึงการวางแผนดำเนินการดูแล บำรุงรักษา ตรวจสอบ และทดสอบอุปกรณ์ พร้อมทั้งดำเนินการตามแผนอย่างสม่ำเสมอ
5) การจัดการการเปลี่ยนแปลง: ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ใด ๆ ในกระบวนการผลิตรวมถึงการเปลี่ยนแปลงสำหรับบุคคล ผู้ประกอบอุตสาหกรรมจะต้องมีการจัดการการเปลี่ยนแปลงเพื่อทบทวนการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในกระบวนการผลิตที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ใด ๆ ในกระบวนการผลิต
6) การทบทวนความปลอดภัยก่อนการเริ่มเดินเครื่อง: กรณีที่มีการติดตั้งเครื่องจักรใหม่หรือดัดแปลงกระบวนการผลิตหรือซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ ผู้ประกอบอุตสาหกรรมจะต้องยืนยันความสอดคล้องตามแผนการทบทวนความปลอดภัยก่อนการเริ่มเดินเครื่องก่อนนำสารเคมีอันตรายร้ายแรงหรือสารที่มีความดันหรืออุณหภูมิที่อาจทำให้เกิดอันตรายต่อพนักงานและกระบวนการผลิต ตลอดจนการนำไนโตรเจน ไอน้ำ เข้าสู่กระบวนการผลิต
ค.2) การควบคุมด้านบริหารจัดการ ซึ่งประกอบด้วย
7) ขั้นตอนการปฏิบัติงาน: เมื่อทราบถึงความเสี่ยง/อันตรายของกระบวนการผลิต ผู้ประกอบอุตสาหกรรมต้องเขียนขั้นตอนการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับข้อมูลความปลอดภัยกระบวนการผลิตและผลการวิเคราะห์อันตรายกระบวนการผลิตเพื่อป้องกันมิให้เกิดอันตรายขึ้น
8) การฝิกอบรม: ผู้ประกอบอุตสาหกรรมจะต้องฝิกอบรมพนักงานประจำและพนักงานใหม่ตามขั้นตอนการปฏิบัติงานและมีการฝิกอบรมเพื่อทบทวนความรู้ (Refresh Training) แก่พนักงานทุก 3 ปี
9) การจัดการความปลอดภัยผู้รับเหมา: ผู้ประกอบอุตสาหกรรมต้องดำเนินการดังนี้
-คัดกรองผู้รับเหมาที่สามารถปฏิบัติงานโดยไม่เกิดอันตราย
-อธิบายระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงานแก่ผู้รับเหมา เช่น การขออนุญาตเข้าทำงานในบริเวณที่อาจทำให้เกิดความร้อนและประกายไฟ (Hot Work Permits) หรือเวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน ผู้รับเหมาจะต้องปฏิบัติตามแผนตอบโต้ภาวะฉุกเฉินอย่างไร
-ดำเนินการควบคุมผู้รับเหมาให้ปฏิบัติงานให้เกิดความปลอดภัย
10) การอนุญาตทำงานที่อาจทำให้เกิดความร้อนและประกายไฟ และการอนุญาตทำงานที่ไม่ใช่งานประจำ: ผู้ประกอบอุตสาหกรรมต้องจัดทำระบบใบอนุญาตทำงานและกำหนดขั้นตอนการขออนุญาตทำงานสำหรับการปฏิบัติงานที่เกี่ยวกับความร้อนหรือก่อให้เกิดประกายไฟ (เช่น สถานที่เก็บวัตถุไวไฟ) และสำหรับการปฏิบัติงานที่ไม่ใช่งานประจำ (เช่น การปฏิบัติงานในที่อับอากาศ การตัดแยกระบบเพื่อความปลอดภัยระหว่างการบำรุงรักษา เป็นต้น) เพื่อใช้ในการควบคุมการทำงานของพนักงานและผู้รับเหมา
11) การเตรียมความพร้อมและการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน: ผู้ประกอบอุตสาหกรรมต้องจัดทำ ฝิกอบรม และฝิกซ้อมขั้นตอนและแผนปฏิบัติการในภาวะฉุกเฉินรวมทั้งแผนการสื่อสารในภาวะฉุกเฉินกับผู้เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งสามารถนำแผนฉุกเฉินและแผนการสื่อสารดังกล่าวไปใช้ตอบโต้ภาวะฉุกเฉินอย่างมีประสิทธิภาพเมื่อเกิดอุบัติเหตุรุนแรงขึ้น
ผู้ประกอบอุตสาหกรรมสามารถถอดบทเรียนเพื่อเรียนรู้ ค้นหาสาเหตุ/ข้อบกพร่อง และป้องกันมิให้เกิดซ้ำได้ ดังนี้
12) การสอบสวนอุบัติการณ์: ถึงแม้ว่าผู้ประกอบอุตสาหกรรมเข้าใจและสามารถระบุถึงปัจจัยความเสี่ยง/ความเป็นอันตราย พร้อมทั้งสามารถบริหารจัดการและควบคุมความเสี่ยง/ความเป็นอันตรายนั้นไว้ได้ แต่อาจมีโอกาสจะเกิดอุบัติเหตุขึ้น ดังนั้น เมื่อเกิดอุบัติการณ์ใด ๆ ขึ้น เช่น ไฟไหม้ ระเบิด สารเคมีอันตรายร้ายแรงรั่วไหล ผู้ประกอบอุตสาหกรรมจะต้องเริ่มดำเนินการสอบสวนภายใน 48 ชั่วโมง นับจากเกิดเหตุ เพื่อค้นหาสาเหตุและป้องกันมิให้เกิดซ้ำอีก
13) การตรวจประเมินการปฏิบัติตามข้อกำหนด: ผู้ประกอบอุตสาหกรรมจะต้องดำเนินการตรวจประเมินภายในโดยคณะผู้ตรวจประเมินของสถานประกอบการเอง และรับการตรวจประเมินภายนอกโดยคณะผู้ตรวจประเมินที่ขึ้นทะเบียนไว้กับ กนอ. ทั้งนี้ ผู้ประกอบอุตสาหกรรมสามารถถอดบทเรียนจากทั้งการตรวจประเมินภายในและการตรวจประเมินภายนอกด้านการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิต โดยเรียนรู้จากข้อบกพร่องและดำเนินการแก้ไขตามแผนปฏิบัติการแก้ไขเพื่อป้องกันมิให้เกิดซ้ำอีก
ทั้งนี้ ผู้ประกอบอุตสาหกรรมต้องดำเนินการการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิตอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ โดยประยุกต์ใช้หลักการ PDCA ได้แก่ การวางแผน (Plan) การปฏิบัติตามแผน (Do) การตรวจสอบการปฏิบัติตามแผน (Check) และการปรับปรุงแก้ไข (Act) ทั้งนี้ หลังจากปรับปรุงแก้ไขแล้วเสร็จ ผู้ประกอบอุตสาหกรรมจะต้องปฏิบัติตามระบบการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิต (PSM) อย่างต่อเนื่อง โดยหมุนวงรอบตามวงจร PDCA ขึ้นไปอีกรอบ เพื่อวางแผนยกระดับมาตรฐานการจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพื่อก่อให้เกิดการพัฒนาปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
- ข้อบังคับฯ PSM
- แนวทางการตรวจประเมิน PSM และการยื่นขอคําขอตรวจประเมินภายนอก
- คุณสมบัติผู้ตรวจประเมินภายนอก และการยื่นขอคําขอขึ้นทะเบียนผู้ตรวจประเมินภายนอก
- รายชื่อผู้ตรวจประเมินภายนอก
- PSM Knowledge Management
จดหมาย กฎหมายใหม่ที่เกี่ยวข้องกับ PSM ลงวันที่ 28 เมษายน 2564 (Link)
การอบรมระบบ epp ของ PSM
เอกสารการอบรม สำหรับผู้ตรวจประเมินภายนอก
VDO การอบรม สำหรับผู้ตรวจประเมินภายนอก